Posted on

วิธีขจัดคราบสกปรกต่างๆในห้องน้ำ

***การหมั่นทำความสะอาดห้องน้ำเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ถ้าห้องน้ำกลายเป็นที่ที่สะสมสิ่งสกปรกก็จะเป็นที่รังเกียจของทุกคน และอาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคต่างๆได้ ช่างในบ้านฉบับนี้ขอกล่าวถึงวิธีขจัดคราบสกปรกต่างๆในห้องน้ำด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะด้าน เพื่อขจัดคราบสบู่ คราบหินปูน คราบสนิม หรือคราบราดำที่ฝังแน่นตามร่องยาแนวกระเบื้องให้หลุดออกไป

♥♥ การขจัดคราบน้ำ คราบสบู่ และคราบไขมัน

บริเวณส่วนแห้งในห้องน้ำมักมีคราบน้ำที่เกิดจากการใช้ห้องหรือตู้อาบน้ำ และคราบสบู่จากการใช้อ่างล้างหน้า เบื้องต้นให้หาผ้าเช็ดเท้าหรือใยสังเคราะห์มารองพื้นบริเวณหน้าห้องอาบน้ำเพื่อแก้ปัญหาเรื่องคราบน้ำก่อน ส่วนการขจัดคราบสบู่และคราบไขมันจากการชำระล้างทั้งหลาย ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดสุขภัณฑ์ โดยเลือกสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของผงขัดและสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงนัก แล้วเทน้ำยาเล็กน้อยบนแผ่นฟองน้ำ จากนั้นนำไปเช็ดถูในบริเวณที่ต้องการ
สำหรับห้องอาบน้ำที่กั้นด้วยแผ่นกระจก อะคริลิก หรือพีวีซีที่ดูหมองๆ รวมถึงบริเวณหน้ากระจกที่ไม่ค่อยสดใส ให้ใช้แอลกอฮอล์ผสมน้ำหรือน้ำยาเช็ดกระจกที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ มาขจัดฝุ่นละออง คราบมัน และความขุ่นมัว โดยฉีดพ่นบนพื้นผิวที่สกปรก ทิ้งไว้ประมาณ1-2 นาที แล้วเช็ดออกด้วยผ้าแห้งสะอาด หรือใช้เครื่องมือเช็ดกระจกแบบเดียวกับที่เด็กปั๊มใช้เช็ดกระจกรถยนต์ก็ได้ โดยเช็ดถูไปทางเดียวกัน เพื่อจะได้ไม่ทิ้งรอยคราบหลังการใช้งาน

♥♥ การขจัดคราบหินปูนและคราบสนิม

คราบหินปูนที่เกาะบริเวณขอบหรือมุมกระเบื้อง ให้ใช้เกรียงหรือโลหะแข็งขูด หากคราบหินปูนกิน บริเวณกว้างและขูดออกยาก ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของโซดาไฟหรือคลอรีน เพื่อช่วยละลายคราบต่างๆ แต่เวลาใช้งานต้องระวังเพราะมีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง อาจทำให้ปูนยาแนวแตกและกะเทาะออกมาได้ ดังนั้นควรทดลองใช้ในพื้นที่เล็กๆก่อน
สำหรับคราบสนิม คราบตะกรัน หรือคราบปัสสาวะในโถสุขภัณฑ์ ให้ผสมน้ำยาขจัดคราบชนิดเข้มข้นกับน้ำสะอาดตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ข้างฉลาก จากนั้นใช้แผ่นฟองน้ำจุ่มในน้ำยาให้ชุ่มแล้วนำไปเช็ดถูบริเวณพื้นผิวที่ต้องการ ทิ้งไว้ราว 2-3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด พื้นผิวก็จะกลับมาสวยงามดังเดิม นอกจากนี้น้ำยาขจัดคราบดังกล่าวยังใช้ได้กับวัสดุประเภทโครเมียม สเตนเลส เพื่อคืนความเงางามให้กับสุขภัณฑ์ต่างๆ

  ♥♥ การขจัดคราบราดำ

กรณีที่เกิดราดำที่พื้นและผนังห้องน้ำ ให้ใช้สเปรย์น้ำยาสูตรฆ่าเชื้อราฉีดลงที่คราบดำตามร่องยาแนวกระเบื้องหรือบริเวณที่มีคราบสกปรก โดยห่างจากพื้นหรือผนังประมาณ 3-5 เซนติเมตร ทิ้งไว้สักครู่ แล้วใช้แปรงขัด จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด คราบเชื้อราและคราบสกปรกก็จะหลุดออก นอกจากนี้สเปรย์ฆ่าเชื้อราในห้องน้ำยังช่วยขจัดคราบเชื้อราและคราบสกปรกต่างๆที่สะสมในท่อน้ำทิ้งได้อีกด้วย

»»»» ข้อควรระวัง

– น้ำยาบางยี่ห้อเขียนไว้ว่าห้ามใช้กับพื้นหรือผนังหินอ่อน หินปูน
– อย่าให้น้ำยาเข้าตา เพราะอาจทำให้ระคายเคือง แสบตา เหยื่อบุตาอักเสบได้
– น้ำยาที่มีส่วนผสมของคลอรีนมีฤทธิ์กัดสีเสื้อผ้า
– ระหว่างการทำความสะอาด ควรทำให้อากาศภายในห้องมีการระบายบ้าง เพราะการสูดดม  น้ำยามากๆอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

Posted on

เคล็ดลับการดูแลรักษาพื้นไม่ยากอย่างที่คิด!!

เชื่อเหลือเกินว่าปัญหาเรื่องการดูแลรักษาและทำความสะอาดพื้นบ้าน คงจะเคยสร้างความปวดหัวให้แก่บรรดาเจ้าของบ้านไม่น้อยเลย
เพราะเนื่องจากพื้นบ้านในแต่ละห้อง รวมไปถึงบริเวณต่างๆ ในตัวบ้านจะมีลักษณะการใช้สอยที่แตกต่างกัน นั่นจึงทำให้วิธีการดูแลพื้นผิวแต่ละชนิดไม่เหมือนกันอีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การศึกษาถึงวิธีการดูแลและทำความสะอาดพื้นผิวแต่ละชนิด น่าจะสามารถช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการทำความสะอาด แถมยังช่วยรักษาพื้นบ้านของคุณให้มีอายุการใช้งานที่มากขึ้น อีกทั้งยังคงความสวยงามคู่บ้านไปได้อีกนาน…ซ่อมพื้น

*** เราลองมาดูกันว่าพื้นบ้านชนิดต่างๆ นั้นดูแลรักษาอย่างไรจึงจะเหมาะสมมากที่สุด
♥♥ พื้นไวนิล
พื้นไวนิลควรทำความสะอาดด้วยไม้ถูพื้นหรือไม้กวาด จากนั้นใช้พรมหรือฟองน้ำสำหรับถูพื้นชุบน้ำหมาดๆ เช็ดถูเป็นประจำ 
การเคลือบผิวไวนิลด้วยน้ำยาเคลือบผิวหรือขี้ผึ้งอย่างสม่ำเสมอจนมากเกินไปนั้น จะทำให้เกิดการจับตัวเป็นคราบหนา ซึ่งอาจส่งผลให้พื้นไวนิลดูหม่นหมองและเกิดริ้วรอยเร็วกว่าเวลาอันควรได้ ดังนั้นการลงขี้ผึ้งซ้ำ จึงควรทำเฉพาะพื้นที่บริเวณที่ใช้งานหนักเท่านั้น


♥♥
พื้นไม้จริง
พื้นไม้จริงนอกจากจะสวยงามเป็นที่นิยมแล้ว ยังให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและเหมาะกับบ้านในเขตร้อนชื้นมากที่สุด แต่มีราคาแพง เพราะในปัจจุบันหาไม้ได้ยากขึ้น จึงต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพราะจะยิ่งเพิ่มคุณค่าในตัวมันเองอีกด้วยการทำความสะอาดพื้นไม้ควรเริ่มโดยใช้ไม้ถูพื้นปัดฝุ่น จากนั้นจึงเช็ดด้วยพรมถูพื้นชุบน้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดแบบเจือจางแล้วเช็ดให้แห้งโดยเร็ว เราสามารถดูแลผิวไม้ได้โดยการเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบผิวไม้ชนิดถาวร ซึ่งจะช่วยป้องกันผิวไม้จากหยดน้ำและคราบสกปรกต่างๆ แถมยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย นอกจากนี้หากคุณพบว่าเคลือบผิวมีการหลุดลอกออกตามกาลเวลา การลงขี้ผึ้งเคลือบผิวก็สามารถทำให้พื้นไม้ของคุณกลับมาแวววาวสวยงามได้อีกครั้ง


♥♥
พื้นไม้ลามิเนต
สำหรับไม้ลามิเนตนี้ไม่ใช่ไม้จริง 100% แต่เป็นไม้สำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นมาด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยยังคงมีพื้นฐานที่มีไม้เป็นส่วนประกอบ
วิธีการดูแลรักษาพื้นไม้ลามิเนตนั้นง่ายมาก เพียงใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำที่ผสมน้ำยาทำความสะอาดเพียงเล็กน้อย ทำความสะอาดเพียงสัปดาห์ละครั้ง แต่หากพื้นมีรอยเปื้อนสารเคมี เช่น น้ำยาล้างเล็บ ก็ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำมันสน หรือทินเนอร์เช็ดรอยเปื้อนนั้นออก จากนั้นค่อยใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดอีกครั้ง  หากเกิดรอยไหม้จากบุหรี่ก็ให้ทำความสะอาดวิธีเดียวกับพื้นที่มีรอยเปื้อนสารเคมี เพราะรอยคราบที่เกิดไม่ใช่รอยเผาไหม้ แต่เป็นคราบนิโคติน ซึ่งสามารถเช็ดออก แต่ถ้าเผลอทำน้ำหกใส่พื้น สิ่งแรกที่ควรทำคือ รีบเช็ดน้ำให้แห้งทันที เพราะถ้าทิ้งไว้นานน้ำอาจซึมเข้าที่รอยต่อระหว่างแผ่นทำให้เกิดความเสียหายได้ และไม่ควรปล่อยให้น้ำท่วมพื้นไม้เป็นเวลานาน  ขณะเดียวกัน หากมีการเคลื่อนย้ายหรือเลื่อนเฟอร์นิเจอร์ที่มีขาหรือฐานเป็นเหล็กแหลมคม ควรหาผ้ารองฐานก่อนเลื่อน เพื่อไม่ให้เกิดรอยขีดข่วน แต่สำหรับการใส่รองเท้าเดินบนไม้ลามิเนตนั้นไม่ต้องห่วง เพราะไม่สามารถทำให้พื้นเป็นรอยขีดข่วนหรือเสียหายแต่อย่างใด
พื้นไม้ลามิเนตต้องการการดูแลรักษาน้อยมาก เนื่องจากการออกแบบสำหรับการใช้งานที่เหมาะสมกับที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะ จึงหมดปัญหาเรื่องการเก็บฝุ่นเหมือนพื้นกระเบื้อง ทำให้บรรยากาศของการพักอาศัยดีขึ้นไปด้วย
ซ่อมพื้น
♥♥ พื้นกระเบื้องเซรามิกและกระเบื้องโมเสก
ถือเป็นวัสดุที่มีรูปลักษณ์ดี มีสีสัน ผิวสัมผัส และมีลวดลายให้เลือกมากมาย มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับครัวที่ใช้งานหนัก และมีโครงสร้างแบบอิฐ เพื่อให้รองรับน้ำหนักได้ดี ถ้าแผ่นไหนแตกก็สามารถซ่อมเฉพาะแผ่นนั้นได้
สำหรับการดูแลรักษา ควรดูแลระหว่างรอยต่อเป็นพิเศษ
ส่วนการทำความสะอาด ให้ใช้แปรงขนอ่อนชุบน้ำสบู่ หรือผงซักฟอกขัด ถ้ามีเชื้อราควรทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วล้างออกด้วยน้ำ


♥♥
พื้นคอนกรีต
พื้นคอนกรีตคือ พื้นที่ก่ออิฐ เทปูน ปูหินธรรมชาติ และพื้นหินขัดนั้น สามารถดูแลได้โดยการใช้ไม้ถูพื้นเช็ดทำความสะอาดเดือนละครั้ง แต่ถ้าเป็นพื้นที่ผ่านการใช้งานและขาดการดูแลรักษามานาน ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบเข้มข้นขจัดคราบสกปรกแล้วค่อยลงน้ำยาสำหรับเคลือบผิวคอนกรีต …เพียงเท่านี้จะช่วยลดการสึกกร่อนของพื้นผิวได้เป็นอย่างดี


♥♥
พื้นหินขัด
พื้นหินขัด หรือเทอร์ราซโซ (Terrazzo) เป็นวัสดุผสมระหว่างหินเกล็ด ปูนซีเมนต์ขาว สีผสมซีเมนต์ และใช้เส้นทองเหลืองแบ่งลาย ควรทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดทุกวัน และลงน้ำมันเคลือบผิวเดือนละครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้คราบสกปรกฝังแน่น ที่สำคัญควรเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรด เพราะจะทำให้ผิวหน้าเสียหายได้ ควรใช้เหล็กขัดเงากับน้ำสบู่ก็พอ  หากผิวหน้าเกิดการชำรุดมาก ควรให้ช่างทำการขัดลอกผิวหน้าเดิมออก และทำการเคลือบผิวใหม่ให้ เพียงเท่านี้เราก็จะได้พื้นหินขัดที่สวยงามดูเหมือนใหม่เลยทีเดียว


♥♥
พื้นหินอ่อน
หินอ่อนเป็นหินชนิดที่มีเนื้อไม่แข็งนัก จึงเกิดรอยขูดขีดได้ง่ายโดยเฉพาะหากมีเศษทราย หรือหินมาเสียดสี เช่น ทรายที่มากับรองเท้า หรือที่แทรกตัวอยู่ตามซอกขาโต๊ะ ขาเก้าอี้
การทำความสะอาดก็ต้องยกเฟอร์นิเจอร์ขึ้นทำการปัดกวาดเช็ดถูเหมือนวัสดุอื่นๆ เมื่อหมดฝุ่นแล้ว จากนั้นก็ให้ใช้แวกซ์ถูพื้นพร้อมเครื่องขัดไฟฟ้าที่จะช่วยให้พื้นเกิดความเงางาม แต่ปัญหาคือ หลังจากขัดเรียบร้อยพื้นมักจะเหนียวเพราะแวกซ์ไม่ซึมลงสู่เนื้อหิน
อีกวิธีหนึ่งคือ ให้ใช้น้ำมันก๊าดชุบผ้าหมาดๆ ถูบางๆ ให้ทั่วผิวหน้าหินอ่อน แล้วเช็ดขัดด้วยผ้าธรรมดาอีกครั้ง จะช่วยให้พื้นหินอ่อนเป็นเงางามได้เช่นกันและไม่เหนียวติดเท้า แต่ไอระเหยจากน้ำมันก๊าดอาจเป็นอันตรายได้ เพราะฉะนั้นควรหาผ้าปิดจมูกในระหว่างทำการขัดพื้น


♥♥
พื้นหินแกรนิต
สำหรับการดูแลรักษาพื้นผิวของหินแกรนิตคือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและขัดเงา ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ไม่ควรใช้อย่างมากกับการทำความสะอาดหินแกรนิตคือ ผงซักฟอก หรือน้ำยาขัดห้องน้ำ ตลอดจนน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรด รวมทั้งน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันมะกอก เพราะจะทำให้ผิวของหินด้านหมดสภาพความเงา
ส่วนปัญหาของคราบสกปรกที่เกิดจากสนิมเหล็ก ยางไม้ น้ำปูน ฯลฯ ที่อาจเกิดจากการใช้งาน ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะเพื่อใช้ในการขจัดคราบสกปรกดังกล่าว ไม่ให้ทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นหิน หลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแล้ว ควรใช้น้ำยาขัดเงาเป็นแวกซ์ชนิดน้ำ (Liquid Wax)
และสิ่งที่สำคัญที่สุดของการดูแลรักษาพื้นหินแกรนิตก็คือ หมั่นดูแลทำความสะอาด โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ค้นคว้ามาสำหรับหินแกรนิตโดยเฉพาะ ไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์สารพัดประโยชน์ตามคำโฆษณาชวนเชื่อ เพราะจะก่อให้เกิดปัญหาต่อความสวยงามของพื้นหินแกรนิตของท่าน นอกจากนี้ยังเป็นการบั่นทอนอายุและความคงทนของพื้นหินอีกด้วย


♥♥
พื้นพรม
เมื่อเอ่ยถึงวัสดุปูพื้นยอดนิยมของคนมีอันจะกิน (รึเปล่า?) อย่างพรม นั่นดูจะทำให้รู้สึกเป็นเรื่องของความหรูหราฟู่ฟ่า สวยงามนุ่มนวล และที่สำคัญราคาแพงหูฉี่ พรมเป็นวัสดุปูพื้นที่มีอายุการใช้งานสั้น (มักใช้ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศของห้องหรือบริเวณที่ปูพรมบ่อยๆ) สกปรกก็ง่าย แถมยังติดไฟอีกต่างหาก
การดูแลรักษาและทำความสะอาดจึงต้องเป็นไปอย่างพิถีพิถัน วิธีดูแลรักษาพรมที่ปูพื้น เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดด้วยการดูดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ และในการกำจัดกลิ่นพรม ก็จะต้องใช้ผงเบกกิงโซดา (Baking Soda) โรยให้ทั่วพื้นพรม แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงทำการดูดฝุ่น จะทำให้พรมปลอดจากกลิ่นได้
ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นด่าง (ผลิตภัณฑ์ซักฟอกบางยี่ห้อ) กับพรมขนสัตว์ เพราะอาจจะทำให้เส้นใยเสียหายและสีย้อมซีดจางลง


♥♥
พื้นเสื่อน้ำมันและกระเบื้องยาง
ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์แอมโมเนียและน้ำยาขัดพื้นกับเสื่อน้ำมันและกระเบื้องยาง เพราะจะทำให้พื้นผิวเสื่อด้าน ควรใช้ไม้ถูพื้นกับน้ำและผงซักฟอกแล้วล้างออก
เมื่อเกิดคราบสกปรกจากอาหารหรืออะไรก็ตามแต่ ให้ซับหรือตักรอยเปื้อนนั้นออกในทันทีที่ทำได้ เพื่อไม่ให้กลายเป็นคราบฝังแน่น แต่หากทำไม่ทัน ลองขจัดรอยเปื้อนโดยใช้ผ้าไนลอนเนื้อละเอียดกับน้ำยาซักฟอกเข้มข้น หรือน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์เช็ดออกในส่วนของรอยขูดขีด ลองจัดการด้วยยางลบดินสอ หรือเช็ดด้วยน้ำยาล้างจานเข้มข้น แล้วเช็ดออกด้วยผ้าหมาด


♥♥
พื้นที่ปูด้วยวัสดุต่างๆ
การดูแลพื้นกระเบื้อง พื้นปูด้วยอิฐ รวมทั้งพื้นเซรามิกดินเผา หรือพื้นตารางสี่เหลี่ยมทั่วๆ ไป มีหลักง่ายๆ คือ อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของวัสดุนั้นๆ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใช้หินเนื้อหยาบปูพื้น ถึงจะพยายามใช้น้ำยาขัดเงาเท่าไรก็คงไม่สามารถทำให้พื้นหินนั้นเงางามขึ้นมาได้ ในทางตรงกันข้าม สำหรับพื้นผิวที่มีความเงางามในตัวอยู่แล้ว การใช้ขี้ผึ้งเพื่อเคลือบให้เงานั้น นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังทำให้พื้นผิวยิ่งหมองลงไปอีก
สำหรับพื้นกระเบื้องนั้นควรหลีกเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาด เพราะสารเคมีตกค้างในน้ำยาจะทำให้ผิวกระเบื้องดูหมองและเป็นรอยเปื้อนได้ง่าย เราจึงควรใช้น้ำผสมกับน้ำส้มสายชูเล็กน้อยในการทำความสะอาด เพียงเท่านี้คราบสกปรกต่างๆ ก็จะหลุดออกโดยง่าย
ในท้ายที่สุดแล้ว นอกเหนือไปจากการดูแลรักษาและทำความสะอาดพื้นบ้านประเภทต่างๆ แล้ว การให้ช่างผู้ชำนาญมาบำรุงรักษาพื้นบ้านของเราครั้งใหญ่อย่างน้อยปีละ 1-2 หน นอกจากจะทำให้พื้นบ้านของเราสวยงามอยู่เสมอแล้ว ยังประหยัดเงินในการซ่อมแซมพื้นบ้านใหม่อีกด้วย

ทั้งหมดนี้คือวิธีการง่ายๆ ในการดูแลรักษาพื้นต่างๆ ภายในบ้าน ที่คุณก็สามารถทำเองได้…ไม่ยาก